กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.)ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม.,พ.ต.อ.กรีธา ตันคณารัตน์, พ.ต.อ.สุรพงศ์ ชาติสุทธิ์, พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์,พ.ต.อ.วุฒิชัย จันโทภาส, พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล, รอง ผบก.ปคม.,พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.ณรงเวทย์ จิวเดช สว.กก.2 บก.ปคม. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม.
ร่วมกันจับกุม นายเมธีฯ หรือเจ้น อายุ 26 ปี ในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ของผู้อื่นในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป”
สถานที่จับกุม บริเวณภายในสถานีบริการน้ำมัน หมู่ 4 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จว.ปทุมธานี
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือน เม.ย.2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจมหาสารคาม ได้รวบตัว 2 หัวขโมยแก๊งลักรถจักรยานยนต์ ขณะที่เพื่อนร่วมขบวนการอีก 2 คน หลบหนีไปได้สารภาพโจรกรรม จักรยานยนต์บิ๊กไบค์ตามหอพักนักศึกษาทั้งในมหาสารคามและขอนแก่น ได้ค่าจ้างคันละ 2,000 บาท หลังลักมาได้จะส่งขายตามฝั่งเขมร ได้คันละ 10,000-20,000 บาท จะลักรถในเขต สภ.เมืองมหาสารคาม สภ.กันทรวิชัย สภ.เมืองร้อยเอ็ด สภ.เมืองบุรีรัมย์ และ สภ.เมืองขอนแก่น รวมกว่า 100 คัน โดยจะเลือกขโมยเฉพาะรถจักรยานยนต์ที่มีราคาแพง เช่น ยามาฮ่า M-Slaz ยามาฮ่า R-15 ฮอนด้า CBR ฮอนด้า MSX คาวาซากิ KSR โดยใช้รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ของกลางขับตระเวนหารถเป้าหมายตามหอพัก ซึ่งยังมีผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีการจับกุมอีกศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่หลบหนีอีก 2 คนฐานความผิดร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนซึ่งได้มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาไปแล้วนั้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2บก.ปคม.ได้สืบทราบว่า นายเมธีฯ หรือเจ้น อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีการจับกุมตามหมายจับของศาล จำนวน 9 หมาย ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ได้หลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ ม. 4 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี จึงได้วางแผนนำกำลังเข้าจับกุมตัวนายเมธีฯ ได้ภายในบริเวณหน้าหมู่บ้าน หมู่ 4 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี โดยนายเมธีฯ ยอมรับว่าได้ร่วมกันลักทรัพย์กับพวกที่ถูกดำเนินคดีไปแล้วตั้งแต่ปี 2566 และได้หลบหนีการจับกุมตัว โดยหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งให้ข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ของผู้อื่นในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป” จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.สายไหม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาโดยผู้ต้องหาให้การยอมรับว่าตนเองเป็นผู้ร่วมขบวนการตะเวนลักรถในเขต สภ.เมืองมหาสารคาม สภ.กันทรวิชัย สภ.เมืองร้อยเอ็ด สภ.เมืองบุรีรัมย์ และ สภ.เมืองขอนแก่น ที่ยังหลบหนีการจับกุมตัว โดยจะได้รับส่วนแบ่งจากการลักรถไปขายฝั่งเขมรเป็นค่าตอบแทน
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย ให้ประชาชนผู้ที่มีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ในการครอบครองให้ใช้ความระมัดระวังในการจอดหรือฝากรถไว้ในสถานที่ต่างๆ อาจมีพวกมิสสาชีพติดตามและเลือกเป้ารถของท่าน ให้พึ่งระวังล๊อครถให้เรียบร้อย ไม่เสียบกุญแจหรือติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้จอดรถในที่ปลอดภัยมีระบบป้องกันขโมย เพื่อไม่เปิดโอกาสให้ตกเป็นเหยื่อของพวกมิสสาชีพอาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย ชีวิต และสูญเสียทรัพย์สินสิ่งมีค่า
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ นครบาล รายงาน